Thursday, January 1, 2015

"สุดยอดหนังสือทางการจัดการ ประจำปี 2547" จากบทความสองบทความที่ลงต่อเนื่องในผจก.รายสัปดาห์ เดือนธันวาคม 2547

สุดยอดหนังสือด้านการจัดการปี 2547


พอใกล้สิ้นปีก็เข้าสู่เทศกาลการจัดลำดับสุดยอดต่างๆ ในปีที่ผ่านมานะครับ และดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมของผมทุกสิ้นปีเหมือนกันที่นำเสนอท่านผู้อ่านด้วยหนังสือทางด้านการจัดการชั้นนำของรอบปีที่ผ่านมา แต่ผมเองก็ยังไม่หาญกล้าไปจัดลำดับเองนะครับ เนื่องจากไม่สามารถตามอ่านได้ทุกเล่ม ดังนั้นก็เลยต้องนำมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซึ่งในปีนี้นำมาจากวารสาร Strategy + Business ซึ่งเป็นวารสารทางด้านกลยุทธ์ในสังกัดของบริษัทที่ปรึกษา Booz Allen Hamilton หนังสือส่วนใหญ่ที่จะนำเสนอนั้นก็พอจะหาได้ในเมืองไทยครับ แหล่งใหญ่ๆ ที่ผมเจอส่วนมากก็ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และเอเซียบุคส์ครับ

การย้อนกลับไปดูหนังสือดังทางด้านการจัดการในรอบปีก็เปรียบเสมือนการย้อนกลับไปดูว่าในรอบปีที่ผ่านมาได้มีพัฒนาการหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านการบริหารจัดการอะไรเกิดขึ้นบ้าง เนื่องจากแนวคิดทางด้านการจัดการส่วนมากก็มักจะมีจุดเริ่มต้นจากหนังสือเหล่านี้ทั้งสิ้นครับ อย่างไรก็ดีในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่าในปี 2547 ที่กำลังจะผ่านไปนั้นในแวดวงของหนังสือทางด้านการจัดการ ไม่คึกคักหรือก่อให้เกิดความตื่นเต้นเท่ากับปีก่อนๆ ที่ผ่านมา หนังสือดังๆ ที่วางแผงและขายดี (ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ) ก็ไม่ได้นำเสนอสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมทางการจัดการซักเท่าใด ส่วนมากแล้วจะเป็นการต่อยอดทางความคิดของสิ่งที่ได้มีมาหรือเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ดังนั้นท่านที่เป็นผู้บริหารระดับสูงหรือผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงวิชาการด้านการบริหารจัดการก็คงจะรู้สึกยังไม่ค่อยสะใจเท่าใดนัก ขอเริ่มต้นเลยดีกว่านะครับ

ในการได้มาซึ่งลำดับของสุดยอดหนังสือปี 2547 นั้น ทางวารสาร Business + Strategy เขาได้มีการส่งแบบสอบถามไปยังทั้งผู้บริหารและนักวิชาการชั้นนำต่างๆ เพื่อให้จัดลำดับหนังสือในดวงใจของปี 2547 มาให้ ดังนั้นรายชื่อหนังสือเหล่านี้จึงไม่ใช่ความคิดเห็นของคนไม่กี่คน โดยวารสาร Business + Strategy เขาได้มีการแบ่งหมวดหมู่หนังสือออกเป็นด้านต่างๆ ทั้งหมดเก้าด้าน ได้แก่ Strategy, Management, IT&Innovation, Leadership, Governance, Change Management, The Bubble (internet boom), Behavioral Economics, และ New Consumer ก็ขอเริ่มต้นในสิ่งที่ผมถนัดก่อนนะครับ และคงจะเน้นย้ำในบางหมวดที่ผมถนัดเป็นหลักนะครับ

ในหมวดด้านกลยุทธ์นั้น มีหนังสือที่ได้รับการยกย่องสามเล่ม เล่มแรกได้แก่ Confronting Reality: Doing What Matters to Get Things Right โดย Larry Bossidy และ Ram Charan ซึ่งถือเป็นตอนต่อจากหนังสือที่ขายดีมากๆ โดยผู้เขียนทั้งสองท่านนั้นคือ Execution แต่จากที่ผมได้อ่านหรือได้พูดคุยกับผู้ที่อ่านทั้งสองเล่ม ก็ต่างรู้สึกเป็นเสียงเดียวว่าในหนังสือ Confronting Reality นั้นยังสู้เล่มแรกคือ Execution ไม่ได้ (สู้ไม่ได้ในที่นี้หมายถึงในด้านของคุณค่าที่ได้รับภายหลังจากการอ่านจบนะครับ) แต่ก็ให้ข้อคิดที่ดีๆ หลายประการ เพียงแต่ข้อคิดเหล่านั้นสำหรับผู้บริหารที่เชี่ยวชาญแล้วไม่ใช่สิ่งใหม่ เพียงแต่เป็นการตอกย้ำให้ผู้บริหารและผู้อ่านได้ตระหนักถึงความเป็นจริงมากขึ้น

เล่มที่สองนั้นชื่อ The Future of Competition: Co-Creating Unique Value with Customers โดย C.K. Prahalad และ Venkat Ramaswamy ซึ่ง C.K. Prahalad ถือเป็นกูรูทางด้านการจัดการที่สำคัญคนหนึ่งของโลก เขาเคยเขียนหนังสือคู่ กับ Gary Hamel จนโด่งดังมาแล้ว (หนังสือชื่อ Competing for the Future ที่ได้เสนอแนวคิดในเรื่องของ Core Competencies) ในหนังสือเล่มใหม่ของ Prahalad และ Ramaswamy นั้น ได้พยายามสื่อให้องค์กรธุรกิจได้เห็นถึงความสำคัญของลูกค้ามากขึ้น โดยแทนที่จะมองลูกค้าเป็นเพียงแค่ผู้มาซื้อสินค้าและบริการเพียงอย่างเดียว องค์กรธุรกิจควรจะมองลูกค้าในฐานะเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการออกแบบและพัฒนาตัวรูปแบบของสินค้าและบริการต่างๆ โดยจากประสบการณ์ระหว่างองค์กรกับลูกค้าจะย้อนกลับมาเป็นข้อมูลสำหรับองค์กรในการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ดีขึ้น ในหนังสือเล่มนี้เขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับคำว่า ‘Experience’ ระหว่างลูกค้าและองค์กรค่อนข้างมาก ตัวอย่างที่ใช้ก็ชัดเจนครับ เช่นในการสร้างหนัง Lord of the Rings: Fellowship of the Ring นั้นทางบริษัทผู้สร้างก็ได้ส่งตัวอย่างรูปของเสื้อผ้า หรือรายละเอียดของหนังไปให้บรรดาเว็บไซต์ของ Lord of the Rings ดูเพื่อรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัวด้วย หนังสือเล่มนี้ก็ให้ความคิดและตัวอย่างที่ดีครับ เพียงแต่เนื้อหาของหนังสือยังมุ่งเน้นในการให้กรอบแนวคิดเป็นหลัก ถ้าผู้บริหารอ่านแล้วจะนำไปใช้หรือไปปฏิบัติเลยคงจะต้องขวนขวายกันเอาเองเหมือนกันครับ

เล่มที่สามคือ Strategy Maps: Converting Intangible Assets into Tangible Outcomes โดย Robert S. Kaplan และ David P. Norton หนังสือเล่มนี้เชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะคุ้นๆ กันดี เนื่องจากเป็นเล่มที่สามของผู้เขียนทั้งคู่ต่อจาก Balanced Scorecard และ Strategy-Focused Organization อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ก็ได้มีการแปลเป็นภาษาไทยโดยทางเครือผู้จัดการ สำหรับผู้ที่คุ้นเคยในหลักการของ Balanced Scorecard และ Strategy Map อยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ให้สิ่งที่ใหม่เท่าใด แต่เป็นการนำเสนอถึงแนวทาง ตัวอย่างและวิธีการขององค์กรในลักษณะต่างๆ ในการพัฒนา Strategy Map เรียกได้ว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ที่กำลังคิดจะนำ Balanced Scorecard มาใช้ในองค์กร แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากที่ใด 

ดูเหมือนว่าแนวโน้มสำคัญของสุดยอดหนังสือในด้านกลยุทธ์ในรอบปีที่ผ่านมาจะมุ่งเน้นในเรื่องของการปฏิบัติให้เห็นผลค่อนข้างมากนะครับ Confronting Reality นั้นมุ่งเน้นในเรื่องของกรอบแนวคิดของกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยคำนึงถึงทั้งสภาวะแวดล้อมที่มีอยู่ทั้งภายในและภายนอก ส่วน Strategy Maps นั้นก็นำเสนอถึงเครื่องมือที่องค์กรใช้ในการสื่อสารและถ่ายทอดกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ และ The Future of Competition นั้นก็นำเสนอถึงการนำลูกค้ามาเป็นพันธมิตรในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และเมื่อผมย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับสุดยอดหนังสือทางด้านกลยุทธ์ในปี 2546 ของวารสารเดียวกันก็พอเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเหมือนกันครับ ในปีที่แล้วหนังสือสามเล่มที่ได้รับการเลือกให้เป็นสุดยอดทางด้านกลยุทธ์ได้แก่ 1) The Innovator’s Solution โดย Clayton Christensen และ Michael Raynor  2) Double-Digit Growth โดย Michael Treacy และ 3) How to Grow When Markets Don’t โดย Adrian Slywotzky และ Richard Wise ซึ่งท่านผู้อ่านคงจะเห็นนะครับว่าในปีที่แล้วหนังสือทางด้านกลยุทธ์จะเน้นในเรื่องของกลยุทธ์การเติบโตเป็นหลัก แต่พอปีนี้จะเน้นในเรื่องของภาคปฏิบัติมากขึ้น


สัปดาห์หน้าเรามาดูสุดยอดหนังสือในหมวดอื่นๆ กันดูบ้างนะครับ


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมได้นำเสนอสุดยอดหนังสือด้านการบริหารกลยุทธ์ของปี 2547 มาให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณากัน ซึ่งผมว่าพอจะทำให้เห็นแนวโน้มทางการจัดการกลยุทธ์ที่สำคัญในปีที่ผ่านมา โดยผลการจัดลำดับนั้นได้มาจากการสำรวจของวารสาร Strategy + Business ซึ่งเป็นวารสารในเครือของบริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง Booz Allen Hamilton สัปดาห์นี้ผมก็เลยขอต่อด้วยสุดยอดหนังสือด้านการบริหารจัดการกันบ้างนะครับ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีดีๆ อยู่หลายเล่มด้วยกัน (ส่วนใหญ่แล้วจะมีขายในประเทศไทย ลองหาซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และเอเซียบุคส์นะครับ)

เริ่มกันเล่มแรกที่ Managers Not MBAs: A Hard Look at the Soft Practice of Managing and Management Development เขียนโดยอาจารย์ชื่อดังทางด้านการจัดการ Henry Mintzberg ครับ หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างหนาพอสมควร แต่เป็นหนังสือที่ผมว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร MBA ควรจะได้อ่าน เนื่องจาก Mintzberg ได้ชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่องของการศึกษาทางด้าน MBA ในการพัฒนาผู้ที่จะเป็นผู้บริหารต่อไป พร้อมทั้งได้นำเสนอแนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาผู้บริหารที่ไม่ใช่หลักสูตรเอ็มบีเอ และในช่วงหลังผมเจอบทความของนักวิชาการหลายคนที่พูดถึงจุดบกพร่องของหลักสูตร MBA แบบดั้งเดิมมากขึ้น ที่อเมริกาในปัจจุบันอัตราส่วนของผู้สมัครต่อจำนวนที่รับของหลักสูตรเอ็มบีเอชั้นนำจะเริ่มต่ำกว่าหลักสูตร MFA (Master of Fine Art) กันแล้วนะครับ
เล่มที่สองชื่อ A Bias for Action: How Effective Managers Harness Their Willpower, Achieve Results, and Stop Wasting Time เขียนโดย Heike Bruch และ Sumantra Ghoshal (เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานมานี่เองครับ) โดยหนังสือเล่มนี้จะเน้นในการให้ข้อเสนอแนะต่อผู้บริหารในการที่จะทำให้เกิดความมุ่งมั่นในการทำงาน เพื่อที่จะทำงานให้สำเร็จ หนังสือเล่มนี้ให้ข้อคิดที่ดีๆ หลายอย่างเกี่ยวการทำงานให้เกิดผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้

เล่มถัดมาเขียนโดย CEO ของบริษัท Semco ในประเทศบราซิล (Ricardo Semler) ชื่อ The Seven-Day Weekend: Changing the Way Work Works เป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่มครับ โดยที่บริษัทนี้เขาได้พัฒนาระบบในการบริหารในรูปแบบใหม่ขึ้นมาที่ทำให้กลายเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก โดยแทนที่จะยึดตามหลักการบริหารแบบดั้งเดิมที่เราเรียนกันมา เขากลับลดกำแพงกั้น ลดกรอบ ระเบียบ ปฏิบัติต่างๆ และให้บุคลากรของเขามีอิสระมากขึ้น ผมเองจำได้เคยนำเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้มานำเสนอท่านผู้อ่าน ลองกลับไปดูเล่มเก่าๆ ดูนะครับ แล้วท่านผู้อ่านจะสงสัยว่ามีบริษัทไหนอีกไหมที่สามารถทำได้แบบ Semco 

เล่มต่อมาเป็นหนังสือที่ขายดีในประเทศไทยเล่มหนึ่งครับ ชื่อ The Toyota Way: 14 Management Principles from the World’s Greatest Manufacturer เขียนโดย Jeffrey K. Liker เป็นหนังสือที่พูดถึงหลักการในการบริหารของโตโยต้าที่โด่งดังไปทั่วโลก (ในเรื่องของ Lean Production) โดยหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายอย่างละเอียดถึงหลักการ 14 ข้อของโตโยต้า ที่เขาใช้ในการบริหารจัดการ หนังสือเล่มถัดมาก็นำเอาบริษัทอีกบริษัทมาอธิบายอย่างละเอียดเช่นเดียวกับเล่มที่ผ่านมา นั้นคือ The Real Thing: Truth and Power at the Coca-Cola Company เขียนโดย Constance L. Hays เพียงแต่หนังสือเล่มนี้แตกต่างจาก The Toyota Way ในประเด็นที่ว่าเป็นการนำเอาเหตุการณ์ที่สำคัญของโคคาโคล่า ในรอบ 20 ปี มาเขียนในเชิงของกรณีศึกษา และนับเป็นกรณีศึกษาที่ทำให้เราได้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของผู้บริหารสูงสุดต่อความเจริญหรือปัญหาของโคคาโคล่า

หนังสือที่ได้รับการจัดอันดับทางด้านการบริหารจัดการเป็นเล่มสุดท้ายชื่อ Predictable Surprises: The Disasters You Should Have Seen Coming and How to Prevent Them โดย Max H. Bazerman และ Michael D. Watkins เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็เป็นไปตามชื่อเลยครับ นั้นคือความแปลกใจ (ในเชิงร้ายๆ นะครับ) หลายอย่างสามารถที่จะเห็นหรือคาดการณ์ได้ล่วงหน้าแต่ทำไมเรามักจะไม่ป้องกันไว้ก่อน (ฟังดูคล้ายๆ กับการบริหารความเสี่ยงนะครับ) คำว่า Predictable Surprise นั้นผู้เขียนทั้งสองท่านให้คำนิยามไว้ว่าเป็นผลจากปัญหาที่เราทราบว่ามีอยู่ และความรุนแรงของปัญหานั้นก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท่านผู้อ่านลองสังเกตดูนะครับว่าทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นปัญหาอยู่ แต่ก็มักจะไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากปัญหาในเรื่องของต้นทุนที่สูงในการแก้ปัญหาให้จบสิ้นตั้งแต่แรก หรือบุคลากรบางกลุ่มไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือบุคลากรส่วนน้อยต่อต้าน เนื่องจากถ้ามีการแก้ไขปัญหานั้น ก็อาจจะทำให้บุคลากรกลุ่มนั้นเสียผลประโยชน์ไปได้ หนังสือเล่มนี้ได้ยกตัวอย่างของเหตุการณ์ 11 กันยา และเหตุการณ์ Enron เป็นกรณีศึกษาว่าเป็น Predictable Surprise ที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นมาได้

ยังพอมีเนื้อที่เหลือเรามาดูหนังสือในหมวดอื่นที่น่าสนใจบ้างนะครับ (แต่เป็นแบบสั้นๆ นะครับ) ในด้านภาวะผู้นำนั้น หนังสือที่ได้รับยกย่องให้เป็นสุดยอดของปี 2547 ประกอบด้วย 1) Authentic Leadership โดย Bill George (จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้ออกมาตั้งแต่ปี 2546 แล้วครับ แต่สงสัยเพิ่งมาดังช่วงหลัง) 2) Why CEOs Fail โดย David L. Dotlich และ Peter C. Cairo 3) Testosterone Inc. โดย Christopher Byron (หนังสือเล่มนี้มุ่งเผยด้านมืดของซีอีโอหลายๆ คนครับ โดยมุ่งเป้าไปที่ Jack Welch เป็นหลัก) 4) The Price of Loyalty โดย Paul O’Neill (ท่านผู้อ่านอาจจะจำผู้เขียนท่านนี้ได้ครับ เป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งในสมัยแรกของประธานาธิบดีบุช และถูกให้ออก เป็นหนังสือที่เล่าผู้นำที่ต้องการความภักดีจากลูกน้อง แต่ไม่ทำตัวให้น่าภักดีด้วย) 5) Alexander Hamilton โดย Ron Chernow (เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับประวัติของบุคคลคนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงบทเรียนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำ)

จริงๆ แล้วยังมีในอีกหลายหมวดนะครับที่เขาได้มีการจัดลำดับสุดยอดหนังสือแห่งปี 2547 เอาไว้ แต่ขออนุญาตนำเสนอเพียงแค่สามหมวดนะครับ 

No comments:

Post a Comment