กินเพื่อผลงาน
รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การรับประทานหรือการกิน เป็นสิ่งที่คู่กับมนุษย์มานาน โดยเฉพาะหลายๆ ท่านที่เราจะใช้การรับประทานเป็นข้ออ้างหรือทางออกสำหรับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่า เจอเพื่อนเก่าก็กิน เหนื่อยก็กิน เครียดก็กิน ดีใจก็กิน เสียใจก็กิน คิดไม่ออกก็กิน ผอมก็กิน อ้วนก็กิน ฯลฯ คราวนี้เรามาลองดูข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มเติมครับว่า นอกจากกินเนื่องในโอกาสต่างๆ นั้น ถ้าเราอยากจะทำงานเก่ง ทำงานดี และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดี ก็ต้องเลือกกินให้เหมาะสมด้วย
น่าสนใจว่าเมื่อเรานึกถึงหนทางในการเพิ่มผลิตภาพหรือความสามารถในการทำงานนั้น เรามักจะไม่ค่อยคิดถึงอาหารเท่าไร เมื่อเรานึกถึงอาหารกับการทำงานนั้น เราจะนึกถึงอาหารในด้านของแหล่งที่ให้พลังงาน ให้เรามีพลังงานในการทำงานเท่านั้น หรือ บางท่านเมื่อทำงานหนักหรือเครียดมากๆ ก็ไม่สนใจอาหารด้วยซ้ำไปครับ คือขอให้มีอะไรตกถึงท้อง เพื่อให้อยู่รอดก็พอแล้ว
มีบทความหนึ่งที่เขียนโดย Ron Friedman เกี่ยวกับการรับประทานและผลิตภาพในการทำงานที่น่าสนใจครับ โดยเขาระบุเลยว่าอาหารนั้นมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการรับรู้ การตัดสินใจ และการคิดของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกรับประทานอาหารเช้ากับอาหารเที่ยงที่ดีนั้นจะส่งผลต่อความสามารถในการคิดและการทำงานของเราตลอดทั้งวัน
หลักการพื้นฐานที่สำคัญคืออาหารเกือบทุกชนิดที่เรารับประทานเข้าไปจะถูกแปลงเป็นกลูโคส ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่ทำให้สมองเกิดความตื่นตัว ท่านผู้อ่านสังเกตุดูครับว่า เมื่อใดก็ตามที่น้ำตาลเราต่ำ หรือ ขาดอาหาร เรามักจะมีปัญหาในด้านสมาธิในการทำงาน ซึ่งทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าถ้าท้องว่างเมื่อไร สมาธิเราก็จะหลุดเมื่อนั้น
อย่างไรก็ตามใช่ว่าอาหารทุกอย่างจะส่งผลต่อสมองหรือความสามารถในการทำงานของเราเหมือนกัน อาหารบางชนิดเช่น พวกแป้ง น้ำอัดลม ข้าว ขนมปัง จะถูกย่อยสลายเป็นกลูโคสได้เร็ว ทำให้เรามีพลังงานสูงเป็นระยะๆ แต่เมื่อกลูโคสหมดไปพลังงานนั้นก็จะหมดไปด้วย ส่วนอาหารที่ให้ไขมันเยอะ เช่น พวกแฮมเบอร์เกอร์ เนื้อสัตว์ต่างๆ อาจจะให้พลังงานที่นานกว่า แต่ก็ทำให้ระบบย่อยของเราต้องทำงานหนักขึ้น เป็นการดึงออกซิเจ้นท์จากสมองเราและอาจจะทำให้เราง่วงนอนได้ ดังนั้นท่านผู้อ่านจะต้องเลือกนะครับว่าจะรับประทานอาหารประเภทใด เป็นแบบให้พลังงานเร็ว แต่ก็หมดเร็ว หรือ ให้พลังงานที่ยั่งยืน แต่ย่อยยาก และ ง่วง
สิ่งที่สำคัญคือต้องอย่าตัดสินใจในสิ่งที่จะรับประทานในขณะที่กำลังหิว เชื่อว่าหลายท่านมีประสบการณ์สั่งอาหารในขณะกำลังหิวแล้วเราจะน่ามืดตามัว สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ และอุดมไปด้วยอาหารที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกาย ดังนั้นถ้าจะรับประทานในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์จะต้องตัดสินใจเลือกอาหารไว้ล่วงหน้าครับ อย่ารอหิว ทั้งนี้เนื่องจากมีการศึกษาและพบว่า ถ้าเราสั่งหรือตัดสินใจเกี่ยวกับอาหารไว้ล่วงหน้า เราจะสามารถต่อต้านกับความเย้ายวนของอาหารที่ไม่มีประโยชน์ทั้งหลาย เช่น เกลือ ไขมัน น้ำตาล ได้ดีกว่าสั่งอาหารในขณะกำลังหิว
อีกข้อคิดหนึ่งที่น่าสนใจคือเราต้องอย่าปล่อยในขาดกลูโคสตอนใกล้ๆ เที่ยงแล้วเติมมันตอนอาหารเที่ยงครับ การลดลงและเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำตาลอยู่เป็นระยะๆ จะส่งผลต่อทั้งความสามารถในการทำงานของสมองเรา ดังนั้นเราควรจะรับประทานบ่อยๆ แต่รับประทานแต่น้อย เพื่อให้ปริมาณกลูโคสในร่างกายเราอยู่ในระดับที่เหมาะสมทั้งวัน แทนที่จะหวังพึ่งมื้อเที่ยงแต่เพียงอย่างเดียว
มีผลจากงานวิจัยอีกที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานผักและผลไม้ตลอดทั้งวันไม่ได้ดีต่อร่างกายเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของสมองอีกด้วย งานวิจัยชิ้นดังกล่าวสรุปว่ายิ่งเรารับประทานผักและผลไม้มากขึ้นเท่าไร จะยิ่งทำให้เรามีความสุข ความรู้สึกดีๆ กับ ความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากผักและผลไม้มีสารอาหารที่ก่อให้เกิดการผลิต Dopamine ที่เป็นสารสื่อนำประสาทชนิดหนึ่ง ที่มีบทบาทสำคัญต่อความสนใจ การจูงใจ และ ความผูกพัน นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังมีสารที่ทำให้เราสามารถเพิ่มความทรงจำและทำให้อารมณ์ดีด้วย
นอกจากงานวิจัยของความสำคัญของอาหารต่อการทำงานของเราแล้ว ผมยังพบงานวิจัยอีกชิ้นว่าเราควรรับประทานอาหารในขณะที่เจรจาธุรกิจหรือไม่? งานวิจัยชิ้นดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการเจรจาทางธุรกิจพร้อมๆ กับการรับประทานอาหารกับคู่ค้าหรือเพื่อนร่วมงานนั้นจะทำให้เกิดผลกำไรมากกว่าการเจรจาในขณะที่ไม่ได้รับประทานอาหาร
สรุปคือถ้าเราเลือกกินได้ถูกต้องและเหมาะสมนั้น นอกเหนือจากจะช่วยให้เรามีการตัดสินใจและผลการทำงานที่ดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อการเจรจาทางธุรกิจที่ราบรื่นและก่อให้เกิดผลกำไรที่ดีขึ้นด้วยครับ ดังนั้น เราต้องเลือกรับประทานให้ถูกนะครับ
No comments:
Post a Comment